Me so หน้าใส

เมโสหน้าใสคืออะไร ?

เมโสหน้าใส คือ การฉีดสารสกัดจากวิตามินสําคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายรวมถึงสาร บํารุงสําคัญต่อผิวลงไปยังผิวหนังชั้นกลางของผิวหน้า เพื่อเสริมปริมาณวิตามินที่มีส่วน ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวและการฟื้นฟู ซ่อมแซมความเสียหายของผิวจากสิ่ง สกปรก มลภาวะ สารระคายเคืองต่างๆ ให้มีประสิทธิผลมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ผิว สุขภาพดีและแข็งแรง มีผิวสัมผัสและเนื้อผิวที่ดีขึ้น

คุณสมบัติของการฉีดเมโสหน้าใส

  • เสริมความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่งผลให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ําวาวจากความชุ่มชื้นที่เพียงพอ

  • ลดรอยจุดด่างดําจากปัญหาสิวอักเสบ รวมทั้งปัญหาฝ้า กระ

  • เสริมความหมองคล้ําของผิวที่อ่อนแอให้กลับมาเปล่งปลั่ง กระจ่างใส

  • ลดความมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้เกิดสิวได้

  • ลดโอกาสเกิดสิวอักเสบเม็ดใหม่และปัญหาผิวหนังอักเสบจนสุขภาพผิวอ่อนแอลง

  • เสริมความแข็งแรงให้ผิว ทําให้ผิวไม่แพ้ต่อสารเคมีหรือสารบํารุงผิวได้ง่าย

  • กระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง ผิวดูเรียบเนียนอย่างทั่วถึงกัน

  • เพิ่มความยืดหยุ่นและเนียนนุ่มให้กับผิว ไม่หยาบกระด้างหรือรู้สึกว่าผิวแน่น

ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บหรือไม่ ?

ก่อนฉีดทางไพลินคลินิกจะมีการมาร์คยาชา บริเวณใบหน้าที่จะฉีด 40 นาที

และก่อนฉีดทุกๆจุดจะมีการประคบน้ําเเข็งให้ก่อนฉีดทุกครั้ง เพราะฉะนั้นระหว่างที่ฉีดคุณลูกค้าจะไม่รู้สึกเจ็บแหลมเลย

แต่อาจจะมีระหว่างที่แพทย์ดันยาอาจมีการปวดตัวยาเล็กน้อย

แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ ไม่ได้เจ็บมาก

เมโสหน้าใสฉีดจุดไหนได้บ้าง ?

การฉีดเมโสหน้าใสสามารถฉีดได้ทุกจุดของใบหน้า เพราะมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าเป็นหลัก ส่วนการฉีดในส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่มีปัญหาด้านผิวนั้น จําเป็นจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน

เมโสหน้าใสฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การฉีดเมโสหน้าใสสามารถทําได้ตั้งแต่เด็กวัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยเริ่มต้นที่อายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะนอกจากสารวิตามินและสารบํารุงสําหรับฉีดเมโสหน้าใสจะช่วยให้ ผิวหน้าเนียนใสได้แล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดสิวอักเสบ สิวจากอาการแพ้ หรือสิวอุด ตันซึ่งพบได้บ่อยในเด็กวัยรุ่นได้อีกด้วย

เมโสหน้าใส มีกี่แบบ

วิธีฉีดเมโสหน้าใสนั้นมีทั้งหมด 2 รูปแบบ ซึ่งมีข้อดีและของเสียที่แตกต่างกัน ได้แก่

ฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
เป็นวิธีการฉีดเมโสหน้าใส ด้วยการใช้เข็มฉีดตัวยาเมโสสะกิดผิวหน้าเป็นจุดเล็กๆ ทั่วบริเวณใบหน้า โดยสะกิดเป็นจุดเล็กๆในผิวชั้นตื้น เพื่อให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว มีข้อดีคือ เจ็บน้อย เนื่องจากเป็นแค่การใช้เข็มสะกิดเบาๆ ทั่วใบหน้า แต่ข้อเสียคือ มีผลข้างเคียงระหว่างฉีดได้ง่าย เช่น หากทําโดยเครื่องมือที่ไม่สะอาดอาจทําให้เกิดการติดเชื้อ หรือรอยบวมแดงตามมาหากทําหัตถการกับคลินิกที่ไม่ได้มาจรฐาน และตัวยากยังออกฤทธิ์ได้น้อยกว่าการฉีดแบบ 16 จุด

ฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด
เป็นวิธีการฉีดเมโสหน้าใสด้วยการฉีดตัวยาตามทิศทางไหลเวียนของต่อมน้ําเหลือง ซึ่งช่วยให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ออกฤทธิ์ได้นานกว่าการฉีดแบบสะกิด เห็นผลได้ชัดเจน รวมถึงลดรอยช้ําได้มากกว่า ลดอาการแพ้หรือติดเชื้อได้ดีอีกด้วย ส่วนข้อเสียก็คือ ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบสะกิด และอาจจะเจ็บกว่าแบบสะกิดเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากเข็มที่ใช้จะมีขนาดเล็กมาก และแทงลงไปในชั้นผิวลึกประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวเจ็บเลย

ใครไม่เหมาะกับการฉีดเมโสหรือมีข้อจํากัดที่ไม่สามารถฉีดเมโสหน้าใส ?

ผู้ที่มีเงื่อนไขด้านสุขภาพซึ่งอาจต้องเลื่อนนัดรับบริการฉีดเมโสหน้าใสออกไปก่อน หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับ
บริการ ได้แก่

  • หญิงตั้งครรภ์หรือกําลังให้นมบุตร
  • ผู้ที่กําลังมีปัญหาผิวหนังอักเสบ ผิวหนังติดเชื้อ หรือเป็นสิวอักเสบรุนแรง ควรรักษาให้หายก่อนรับบริการ
  • ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด การแข็งตัวของเลือด รวมถึงมีภาวะความดันโลหิตที่ไม่ปกติ
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
  • ผู้ที่เคยมีอาการแพ้สารวิตามินหรือสารบํารุงที่ใช้ในการเสริมความงาม

นอกจากนี้ผู้ที่ไม่มีเวลามาฉีดเมโสหน้าใสอย่างสม่ําเสมอทุกๆ 2-4 สัปดาห์ ก็อาจไม่เหมาะกับบริการนี้เช่นกัน

เนื่องจากการไม่สามารถมาฉีดผิวได้อย่างต่อเนื่อง อาจทําให้ไม่เห็นผลลัพธ์ของการรักษาที่ชัดเจนมากพอ

ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันถึงเห็นผล

หลังจากฉีดเมโสหน้าใสจะใช้เวลาประมาณ 3 วันจึงจะเริ่มเห็นผล โดยหน้าจะดูฟูขึ้นและชุ่มฉ่ํามากขึ้น และ เห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน

ต้องฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้ง

หากต้องการผลลัพธ์แบบสม่ําเสมอ แนะนําให้ทําการฉีดเติมเรื่อยๆ อย่างในช่วงเดือนแรกอาจจะต้องฉีด อาทิตย์ละครั้ง หลังจากนั้นก็ค่อยๆ คงสภาพไว้ด้วยการฉีด 2 อาทิตย์/ครั้ง แต่การฉีดเมโสหน้าใสนั้นจะไม่ ได้คงอยู่ถาวรแต่จะสลายไปตามธรรมชาติภายใน 1-2 เดือน ดังนั้น เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรทําต่อเนื่อง ตามคําแนะนําของแพทย์เป็นหลัก

การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส

หากอยากปลอดภัย ไม่ต้องมากังวลกับเมโสหน้าใสปลอมที่ไม่ได้คุณภาพ คุณควรจะปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

  • เลือกเข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองทั้งใบอนุญาตกิจการตามมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข และเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • ควรขอดูยี่ห้อยา ก่อนฉีดเมโสทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย อย่างที่ Phailin Clinic ของเราก็ เลือกใช้ตัวยาเมโสหน้าใส ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และผ่านอย.เท่านั้น ดังนั้น เมื่อมาขอรับบริการ เรายินดีให้ตรวจสอบข้อมูลตัวยาได้
  • บอกปัญหาที่ต้องการแก้ไขกับแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินและเลือกสูตรยาที่เหมาะสม
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจําตัว ให้แพทย์ทราบ
  • หากเป็นสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรทําการฉีดเมโสหน้าใส

ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใส

ในการฉีดเมโสให้ความรู้สึกเหมือนว่าแค่เข็มสะกิดๆ เท่านั้น จึงไม่ต้องกลัวเจ็บ และถ้าหาก
เลือกทํากับคลินิกที่เชี่ยวชาญรับรองว่าปลอดภัย โดยแพทย์จะเตรียมใบหน้าให้พร้อมและ
ทําการฉีด ดังนี้

  • ทําความสะอาดผิวหน้า และมาร์คยาชาทิ้งไว้ 30-45 นาที
  • ประคบน้ําเเข็งตามจุดที่จะฉีด
  • ทําการฉีดเมโสหน้าใสให้ทั่วหน้าประมาณ 10-20 จุดแล้วแต่บุคคล ใช้เวลาไม่นาน และไม่เจ็บอย่างที่คิด
  • หลังจากฉีดเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้เลย

เมโสหน้าใสที่ไพลินคลินิกมี 5 สูตร

  1. Neo Glutanex Glow

  2. Reverse

  3. Tensonez

  4. Tensonez vita

  5. Derma care

Neo Glutanex Glow

สูตรใหม่ปราศจาก Tranexamic acid ไม่แสบไม่บวม INSTANT
BRIGHTHENING,PORE TIGHTHENING,SKIN REJUVENATION
แก้ปัญหาที่ทุกชั้นผิวด้วยกลไกเดียวกับผิวเด็กในธรรมชาติ เติมความชุ่มชื้นความยืดหยุ่น ปรับเม็ดสีขาวชมพู ฟื้นฟูระดับ DNA ให้ผลยาวนานคุ้มค่าเห็นผลทันที ทําครั้งเดียวอยู่ได้มากกว่า 2 เดือน ขาวกว่า ปลอดภัยกว่าด้วยกลูตาไธโอนบริสุทธิ์

Reverse

Reverse Skin Booster นําเข้าจากเกาหลี เมโสหน้าใสรุ่นท็อป แก้ไขทุกปัญหาผิวลงลึกระดับ DNA ลดรอยดําใต้ตา,กระชับรูขุมขน,เพิ่มความกระจ่างใส,ช่วยให้สีผิวสม่ําเสมอ,ลดเลือนรอยสิว,ลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็กเหมาะสําหรับคนที่อายุไม่เกิน 50 ปี เห็นผลลัพธ์ดีมากหลังทําติดต่อกัน 3-5 ครั้ง ทำทุก 1 เดือน

Tensonez

Tensonez คือหนึ่งในยี่ห้อเมโสหน้าใสจากประเทศเกาหลีที่ได้รับความนิยม เหมาะสําหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ หลังฉีดจะช่วยให้กระจ่างใสขึ้น ปรับผิวที่ไม่สม่ําเสมอให้ดูเรียบเนียนสดใส ฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้น มีส่วนผสมของสารที่มีประโยชน์และช่วยบํารุงผิวหลายชนิด ได้แก่

  • Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline) เปปไทด์ทําหน้าที่ลดการยึดตัวของกล้ามเนื้อ ทําให้ผิวใส เรียบเนียน
  • Multipeptide สารที่ช่วยเรื่อง Anti-aging ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
  • Hyaluronic Acid ตัวช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในเซลล์ผิว เพิ่มปริมาณคอลลาเจน ทําให้ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
  • Glutathione ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • Collagen ช่วยให้ผิวมียืดหยุ่น เนียนใส แข็งแรงมากขึ้น

Tensonez Vita

มีส่วนผสมของสารที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวหลายชนิด ได้แก่

  • Botox like ช่วยลดเลือนริ้วรอย
  • Sodium Hyduronate เพิ่มความชุ่มชื่นทำให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น
  • Glutathione ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • Collagen ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เนียนใส ฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
  • Peptides ฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
  • Vitamins(Flavonoids) สารต้านอนุมูลอิสระ
  • Coenzyme Q10 ลดริ้วรอยและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง

Derma care

สุดยอดนวัตกรรมบํารุงผิวหน้าจากเกาหลี ทั้งสารสกัดจากเปปไทด์ กว่า 100 ชนิด, Niacinamide, Sodium DNA (สารสกัดจากอสุจิปลาแซลมอน),Hydrolyzed Collagen, Hyaluronic acid, วิตามินสูตรพิเศษกว่า 20 ชนิด และ Co-enzyme 10 ชนิด ด้วยสารสกัดทรงประสิทธิภาพจากธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์ถึง 100% ส่งผลให้

  • กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวเสีย ให้มีสุขภาพดี เปล่งประกาย มีออร่า
  • ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ลดเลือนฝ้ากระ จุดด่างดำ
  • เสริมสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง
  • ช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ หน้าเรียบเนียน
  • ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น

การปฏิบัติตัวหลังฉีดเมโสหน้าใส

หลังจากฉีดเมโสหน้าใสแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น แต่อาจจะมีข้อควรระวังอยู่บ้าง เพื่อรักษาให้เมโสอยู่กับคุณได้นานและมีประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างเช่น

  • ไม่ควรนวดผิวบริเวณที่ทําทันที
  • หากเกิดรอยแดงหรือมีอาการช้ำ บริเวณที่ทําการฉีด สามารถประคบเย็นภายใน 4 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้น สามารถประคบอุ่นได้ตามคําแนะนําของแพทย์
  • หลีกเลี่ยงการทาครีมบริเวณรอยเข็มหลังทําทรีตเมนต์ 1 คืน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ
  • แนะนําให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  • งดนอนดึก หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ