เสริมจมูกเทคนิค DPR

เสริมจมูกเทคนิค DPR (ย่อมาจาก Deep Plane Endonasal Rhinoplasty)

เป็นการเสริมจมูกที่รอยแผลทั้งหมดจะอยู่ภายในรูจมูก สําหรับคนไข้ที่กังวลเรื่องรอบแผลเป็นที่มองเห็นได้ชัด ไม่จําเป็นต้องกังวลกับการผ่าตัดเสริมจมูกแบบ DPR ในระหว่างขั้นตอนคุณหมอจะค่อยๆยกกระดูกอ่อน และเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างใต้ผ่านรูจมูก ดังนั้นคนไข้จะไม่เห็นรอยแผลเป็นใดๆ

ข้อดีของเทคนิค DPR

เนื่องจากแผลเย็บทั้งหมดอยู่ภายในจมูก ผู้ป่วยจะไม่เห็นรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด การฟื้นตัวจะเร็วขึ้นเล็กน้อย โดยคนไข้สามารถกลับไปทํางานหรือกิจกรรมอื่นๆ ได้ภายใน 1 สัปดาห์ จากเทคนิคปกติเป็น 2 สัปดาห์

ประโยชน์ของการผ่าตัดแบบ DPR

1. ลดโอกาสเกิดการเบี้ยวเอียงของซิลิโคนหลังผ่าตัด

2. ช่วยให้ขนาดรูจมูกใกล้เคียงกันมากขึ้น

3. ช่วยให้การปรับแก้ในรายที่มีฐานจมูกเอียงเพิ่มความสมมาตร

4. การปรับลดขนาดของกระดูกทั้ง 2 ข้าง ทำได้อย่างทั่วถึงและง่ายขึ้น

5. ซ่อนรอยผ่าหลังผ่าตัดได้

6. การเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูก(Interdomal Sutuer)ให้ปลายเชิด ทำได้ง่ายขึ้น

7. ช่วยลดระยะเวลาในการผ่าตัดจึงช่วยลดอาการบวมช้ำและการติดเชื้อ

การวางซิลิโคน

แต่งปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู

แต่งปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อก้นกบ

แต่งปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม

เทคนิคการตกแต่งจมูก

แต่งปีกจมูก

ตัดแต่งเนื้อตรงฐานปีกจมูกแล้วเย็บให้จมูกดูแคบลง

 

แต่งปลายจมูก

ลดปัญหาจมูกบาน จมูกชมพู่ด้วยการปรับแต่งกระดูกอ่อนตรงปลายจมูก

เย็บอินเตอร์โดม

เย็บปลายจมูกเพื่อให้ปลายพุ่งขึ้นและดูเรียวขึ้น

 

เสริมปลายหลังหู

เพื่มปลายจมูกให้ดูดีมีมิติ พุ่งสวยโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหูซึ่งเป็นเนื้อเยื่อของเราเอง

ตอกปรับฐาน

ลดความกว้างของจมูกที่เป็นกระดูกแข็ง ทำให้จมูกเล็กลงเพื่มสันจมูกขึ้นเล็กน้อย

ตะไบฮัมพ์

ตะไบฮัมพ์ตรงกระดูกสันจมูกเพื่อแก้ปัญหาจมูกงุ้มสันจมูกไม่เรียบ

 

เตรียมตัวก่อนเสริมจมูก

การตัดปีกจมูก

ปีกกว้าง

ปีกป่อง

ปีกห้อย

ปีกห้อย

ปีกหนา

การตัดปีกกว้าง

การดูว่าปีกจมูกกว้างหรือรูจมูกกว้างหรือไม่ สังเกตได้จากภาพหน้าตรง หากปีกจมูกกว้างกว่าระยะระหว่างหัวตาก็จะทําให้ปีกจมูกนั้นดูกว้าง (ในคนไทยอาจให้เลยได้ประมาณ 2 มิลลิเมตร) ซึ่งการแก้ไขลักษณะปีกจมูกที่มีความกว้างแบบนี้แพทย์จําเป็นจําต้องทําผ่าตัดลดระยะบริเวณฐานปีกจมูกทําให้รูจมูกแคบลง หากมีขนาดที่กว้างมากและมีความตึง การเย็บไหมคล้องปีกจมูกก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ปีกจมูกแคบเข้ามาหากันได้

การตัดปีกป่อง

ปีกจมูกป่องคือปีกจมูกที่มีลักษณะโค้งออกด้านนอก เวลามองรูจมูกจากบริเวณฐานจมูกจะเห็นเนื้อปีกจมูกกว้างกว่าบริเวณฐานจมูก ทําให้สังเกตเห็นร่องบริเวณปีกจมูกต่อกับใบหน้าได้ชัด การตัดปีกที่มีลักษณะป่องออกมาแบบนี้จําเป็นที่ต้องลดเส้นรอบวงของขอบนอกปีกจมูกลง เพื่อให้ปีกจมูกมีลักษณะตรงมากขึ้น แผลที่ตัดจึงอยู่ด้านนอกบริเวณรอบปีกจมูก ซึ่งอาจมองเห็นเป็นรอยแผลได้บ้างตามร่องของปีกจมูก

การตัดปีกห้อย

หากมองจมูกจากด้านข้างแล้วปีกจมูกห้อยลงมาจนไม่สามารถมองเห็นรูจมูกได้แสดงว่าปีกจมูกมีลักษณะที่ห้อย หรือหากมองจากหน้าตรงแล้วเห็นว่าปีกจมูกอยู่ต่ำกว่าปลายจมูกลงมา ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งสําหรับคนที่มีปีกห้อย การแก้ไขปัญหาปีกจมูกที่ห้อยลงมาทําได้โดยการตัดยกปีกจมูกขึ้น ซึ่งแผลผ่าตัดมีทั้งแบบที่ซ่อนไว้ข้างในลึกเข้าไปจากรูจมูก และแบบที่ตัดจากภายนอกซึ่งแผลจะยาวขึ้นไปเหนือรอยต่อระหว่างปีกจมูกกับบริเวณสันจมูก การตัดทั้งสองแบบแม้ว่าจะทําให้ปีกยกขึ้นเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันในรายละเอียดของทรงจมูกหลังตัดยก หากท่านมีปัญหาดังกล่าวควรปรึกษาและวางแผนการตัดยกปีกจมูกกับแพทย์โดยละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ท่านต้องการมากที่สุด

การตัดปีกหนา

ปีกจมูกที่มีลักษณะหนา อาจมาพร้อมกับรูจมูกที่เล็กกว่าปกติ หรืออาจมากับลักษณะปีกจมูกที่อวบใหญ่ การแก้ไขปีกจมูกหนานั้นสามารถทําได้โดยการตัดเนื้อบริเวณปีกจมูกตามแนวปีกจมูกเพื่อให้ปีกจมูกบางลง หรืออาจซ่อนแผลไว้ภายในรูจมูกก็ได้ ภายหลังการตัดจมูกจมูกเพื่อลดความหนา รูจมูกมักจะกว้างขึ้น จึงแนะนําให้ทําพร้อมการตัดปีกลดความกว้าง เพื่อให้ได้ปีกจมูกที่สวยงามเป็นธรรมชาติ

ข้อแตกต่างระหว่าง เนื้อเยื่อเทียม และ กระดูกอ่อนหลังหู

เนื้อเยื่อเทียม(Alloderm) วัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นใช้เสริมปลายจมูกหรือกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและสามารถใช้ในรายที่ผิวบางหรือ เสริมเพิ่มเพื่อป้องกันผิวหนังทะลุใช้กันแพร่หลายในต่างประเทศ แต่ในเมืองไทยมีใช้น้อยมาก ราคาค่อนข้างสูง

กระดูกอ่อนหลังหู วัสดุที่นำมาจากตัวคนไข้เอง กระดูกและกระดูกอ่อน สามารถนำมาได้หลายบริเวณจากตัวคนไข้เอง แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ กระดูกอ่อนที่อยู่กึ่งกลางที่แบ่งจมูกซ้ายขวา กระดูกหู ในบางรายที่ต้องการความหนาของสันจมูก

ข้อดีของการนำกระดูกมาใช้คือ เป็นของตัวเราเอง โอกาสแพ้น้อยมาก ดูเป็นธรรมชาติ สามารถเสริมและปรับแต่งปลายจมูกได้มากกว่าซิลิโคน แต่ก็มีข้อเสียคือ มีแผลเพิ่มอีกแผล กระดูกที่เอามาวางมีโอกาสตายและทรุดลง บิดเบี้ยวได้ และที่สำคัญราคาผ่าตัดค่อนข้างสูง ใช้เวลาในการผ่าตัดนานและต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญ

ทั้งนี้ทั้งนั้นคนไข้สามารถเลือกได้เลยนะคะว่าอยากให้อะไรรองปลายจมูก

หลังเสริมจมูกต้องพักฟื้นนานแค่ไหน

ตอบ หลายๆคนสงสัย กลัวว่าเสริมใหม่แล้วต้องพักฟื้นนาน ระยะเวลาพักฟื้นหลังจากเสริมจมูกก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคนด้วย

อย่างบางเคสช่วง 1-3 วันแรกอาจจะยังบวม ๆ อยู่ก็แนะนำให้อยู่บ้านพักผ่อนก่อนค่ะ หรือบางเคสเต็มที่ก็พักฟื้น 5 วัน เพื่อให้อาการบวมยุบลง หลังจากนั้นก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องกังวลว่าฟักฟื้นนานเลย

ทำไม-ก่อนหลัง เสริมจมูกถึงต้องงดแอลกอฮอล์

ตอบ เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์รวมไปถึงการสูบบุหรี่ อาจจะทำให้แผลผ่าตัดหายช้า อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อของแผล บางรายอาจเกิดรอยแผลเป็น นูน หรือคีลอยด์ได้

เสริมจมูกสามารถขี่รถจักรยานยนต์มาเสริมจมูกเองได้ไหม? ติ๊กตอกๆ

ตอบ

สามารถขี่รถจักรยานยนต์มาเสริมจมูกเองได้ค่ะ เพราะยาชาที่ใช้ในการเสริมจมูกประสิทธิภาพจะยังคงอยู่ และยาชาจะชาแค่บริเวณที่เสริมจมูกเท่านั้น ยังคงขี่มอเตอร์ไซค์ได้ปกติ แต่หลังจากถึงที่พักแล้วควรประคบเย็นทันทีจะได้ช่วยให้ไม่บวมเยอะ

ทำไมหลังเสริมจมูกถึงให้นั่งหลับ ?

การใช้หมอนรองคอหลังเสริมจมูก
ช่วยในการประคับประคองรูปทรงของจมูก
ไม่ให้เบี้ยวหรือเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง

ใช้หมองรองคอหลังผ่าตัดในระยะเวลา 7-14 วัน โดยที่ยังไม่นอนราบหรือนอนตะแคง ช่วง 3 วันแรกต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ
อาจจะต้องนั่งหลับโดยใช้หมอนอีกใบรองที่หลัง จะช่วยให้ซิลิโคนรัดแกนจมูกได้เร็วขึ้น

อีกหนึ่งความสำคัญในการนั่งหลับ
– ช่วยให้จมูกบวมน้อย
– ช่วยให้จมูกยุบบวมเร็ว
– ช่วยให้จมูกไม่เบี้ยวเอียงในช่วงแรก
– ช่วยให้จมูกรัดแกนได้เร็วขึ้น
– พักฟื้นไม่นาน หากรู้จักวิธีดูแลหลังการผ่าตัด

หลังเสริมจมูกล้างหน้ายังไง ?

ตอบ ช่วงระยะเวลา 7 วันแรกหลังเสริมจมูกให้ใช้สำลีแบบแผ่นชุบด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดหน้าไปก่อน อย่าเพิ่งให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ เพราะจะทำให้แผลหายช้าและเน่าเปื่อยได้ ในช่วง 7 วันแรกที่ยังติดเฝือกอยู่จะทำความสะอาดใบหน้าได้ค่อนข้างลำบาก บางคนที่มีผิวมันมากก็อาจจะใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดหน้าก็ได้ เพื่อไม่ให้เกิดแบคทีเรียสะสม

เทคนิคยุบบวมไว ฉบับเร่งด่วน

– ประคบเย็น 2–3 วันแรก ประคบเย็นทันทีหลังผ่าตัดเสร็จและประคบต่อเนื่องไป 48 ชั่วโมง
– โดยใช้เจลแพ็กหรือผ้าขนหนูที่เปียกแช่ช่องแข็ง หรือผ้าห่อน้ำแข็งสลับกันประคบอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งการประคบเย็นจะช่วยควบคุมการเสียเลือด ลดความเจ็บปวด และการบวมของแผล และความเย็นที่ถูกประคบลงบนผิวจะทำให้แผลมีการหดตัวของหลอดเลือด

นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มความหนืดของเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวและหยุดไหล ช่วยลดอาการบวมได้อีกด้วย
แต่การประคบเย็นก็มีข้อระวัง! สำหรับใครที่เสริมจมูกและคางให้ประคบบนจมูก หน้าผาก และบริเวณรอบๆ แทน ไม่ควรประคบบนตัวซิลิโคนเพราะอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนตัวได้

– ยกหัวให้สูง
ในช่วง 5-7 วันแรก หากทำศัลยกรรมจมูก ควรยกหัวให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อยับยั้งการรั่วไหลของสารน้ำออกจากเส้นเลือดให้เร็วที่สุด ซึ่งจะลดอาการบวมได้ โดยในช่วงการนอนหลับให้นอน- – หมอนสูงหรือนอนให้หัวอยู่สูงกว่าปกติ
– ประคบอุ่นวันที่ 5 เป็นต้นไป
– หลังจากครบ 5 วันให้เปลี่ยนมาประคบอุ่นแทน
เพราะความร้อนจากการประคบอุ่นจะช่วยให้เส้นเลือดขยายตัวรับการดูดซึมกลับของสารน้ำต่างๆ ที่ค้างอยู่ในเนื้อเยื่อที่บวมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ความร้อนยังช่วยให้ลิ่มเลือดเก่าละลายเร็วขึ้น
แถมยังส่งผลให้พังผืดภายในที่แข็งเป็นไตนุ่มตัวเร็วขี้นด้วย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องระวังไม่ให้ร้อนเกินไปเพราะอาจลวกผิวหนังได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องหมั่นสังเกตด้วยว่า หากประคบร้อนลงไปแล้วอาการบวมกลับเป็นมากขึ้นก็ควรหยุดทันที

เสริมจมูกไม่ใส่ซิลิโคนได้ไหม ?

ตอบ ได้ครับ การศัลยกรรมจมูกเป็นการปรับเปลี่ยนรูปทรงเพื่อให้ได้ทรงจมูกตามที่แต่ละคนชอบ ซึ่งหมอก็จะวางแผนกับคนไข้ว่าต้องการแก้ไขจุดไหน หลายครั้งไม่จำเป็นต้องใส่ซิลิโคน ก็สามารถมีจมูกที่สวยขึ้นได้

ทำไมต้องเหลาซิลิโคน ?

ตอบ เพราะรูปทรง จมูก ของแต่ละบุคคลต่างกัน
ทั้งขนาด
ความกว้างสันจมูก
ความยาวของจมูก
การออกแบบซิลิโคน ในแต่ละเคสจึงเป็น สิ่งที่สำคัญ
เพราะศัลยแพทย์จะทำการดีไซน์รูปทรงจมูกวัดสัดส่วนความสูงโด่ง ตามความเหมาะสมของเนื้อจมูกของคนไข้ อีกทั้งออกแบบให้รับกับโครสร้างแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการเหลาซิลิโคนให้พอดีที่สุด เพื่อให้ได้จมูกที่เคิร์ฟสวยงาม ไม่มีรอยต่อ แลดูเป็นธรรมชาติ

เหตุผลที่อยากจะแก้จมูกนั้น อาจเกิดจากการอยากแก้เอง เพราะว่าไม่พอใจ ไม่อยากได้ทรงที่ต้องการ หรือมีปัญหาตามมาทีหลัง

เมื่อพูดถึงการเสริมจมูก เคยสงสัยกันไหมว่า เมื่อทำจมูกไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ต้องแก้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแก้ทุกๆ 5 ปี หรือว่าแก้ทุกๆ 10 ปี แต่ว่าความเป็นจริงแล้ว ซิลิโคนนั้น สามารถอยู่กับเราได้ตลอดชีวิตเลย

5  สัญญาณ บอกว่าถึงเวลาแก้จมูก

  1. เกิดการอักเสบ บวม โดนกระแทกอย่างรุนแรง จนอาจจะเกิดอาการติดเชื้อตามมาทีหลังได้ และถ้าหากรักษาไม่ทันก็จะทำให้ต้องถอดจมูกพักก่อนไม่สามารถแก้ไขเสริมจมูกใหม่ได้ในทันที

  2. มีอาการปวดอยู่ตลอดเวลา หลังจากการเสริมจมูก ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังมีอาการปวดอยู่ แบบนี้ถือว่าผิดปกตินะคะ

  3. ปลายจมูกตึงมาก และรู้สึกเสียวบริเวณจมูก เมื่อทำการเม้มปาก อาการแบบนี้ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน อาจจะมีปัญหาตามมาทีหลังได้

  4. สังเกตเห็นวงขาวๆ ตรงปลายจมูก เนื่องจากว่าซิลิโคนดันนเนื้อจนเกินไป ถ้าทิ้งไว้แบบนี้ต่อไป ซิลิโคนอาจจะทะลุออกมาได้

  5. สังเกตเห็นซิลิโคนเป็นแท่งอย่างชัดเจน ปลายจมูกบางใส จนใครหลายคนรู้ว่าทำจมูกมา ซึ่งแบบนี้ทำให้ไม่เนียนและดูไม่เป็นธรรมชาติ

เสริมจมูกมาแล้วแผลไม่ติดเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?

ตอบ

– ขอบแผลไม่ชนกัน (แผลตึงเกินไป เกิดจากใส่ซิลิโคนสูง มีน้ำมูก+สเก็ดเลือดระหว่างแผล เย็บแผลไม่ดี บวมเยอะมาก)

– เลือดมาเลี้ยงไม่ดี (ดื่มเหล้า สูบบุหรี่)

– โรคประจำตัว (เบาหวาน)

– ไหมคลายหรือหลุดก่อนเวลา

– แผลติดเชื้อ (แผลไม่สะอาด)

– แผลขยับเยอะ (ยกของหนัก ออกแรงเยอะ ออกกำลังกาย)

– อุบัติเหตุ

ซิลิโคนทะลุอันตรายไหม ทะลุแล้วทำยังไงได้บ้าง ?

ตอบ อันตรายครับ ซิลิโคนถือเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ไม่ใช่เนื้อเยื่อของร่างกายเรา เมื่อมีช่องทางที่ซิลิโคนเชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็มีโอกาสที่จะทำให้เชื้อโรคเข้าไปเจริญเติบโตรอบซิลิโคนและติดเชื้อลุกลามเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียงได้

ซิลิโคนลอย ต้องทำยังไง?

ตอบ จมูกจะประกอบไปด้วยโครงสร้างและเนื้อเยื่อข้างบน โครงสร้างที่เป็นโครงสร้างหลักที่เป็นเสาและหลังคาบ้าน คือส่วนที่เป็นกระดูกแข็งและกระดูกอ่อน ส่วนเนื้อเยื่อข้างบนแบ่งเป็นอีกหลายชั้น

คือ ผิวหนังที่เราเห็นข้างนอก ไขมันที่ทำให้จมูกนุ่ม หนา ใหญ่ หรือเรียว บาง ขึ้นอยู่กับชั้นนี้ กล้ามเนื้อที่เราใช้ในการขยับจมูก เช่น ยู่จมูก ขยับปีกจมูก ทำให้เกิดรอยบริเวณสันจมูกสามารถถอดพัก หรือแก้จมูกได้